เมนู

ทานนี้แล จงมีแก่ญาติทั้งหลาย กรรมที่คนหนึ่งทำแล้วย่อมไม่ให้ผลแก่อีกคน
หนึ่ง แต่วัตถุนั้นที่ญาติให้อุทิศอย่างนั้นอย่างเดียว ย่อมเป็นปัจจัยแก่กุศล
กรรมของญาติทั้งหลาย ฉะนั้นเมื่อทรงแสดงประการที่กุศลกรรม อันให้เกิดผล
ในทันที่ เพราะวัตถุนั้นนั่นแลอีก จึงตรัสกึ่งหลังแห่งคาถาที่ 4 ว่า เต จ
ตตฺถ
และกิ่งต้นแห่งคาถาที่ 5 ว่า ปหูเต อนฺนปานมฺหิ.
กึ่งต้นและกึ่งหลังแห่งคาถาเหล่านั้น มีความว่า ท่านอธิบายไว้ว่าเปรต
ที่เป็นญาติเหล่านั้น มาโดยรอบ มาร่วมกัน ประชุมอยู่ในที่แห่งเดียวกัน ในที่ ๆ
ญาติให้ทานนั้น. ท่านอธิบายไว้ว่า เปรตเหล่านั้นมาโดยชอบ มาร่วมกัน
มาพร้อมกันเพื่อความต้องการอย่างนี้ว่า ญาติทั้งหลายของเราจักอุทิศทานนี้
เพื่อประโยชน์แก่เราทั้งหลาย. บทว่า ปหูเต อนฺนปานมฺหิ ความว่า ใน
ข้าวน้ำที่ญาติให้อุทิศเพื่อตนมีมากนั้น. บทว่า สกฺกจฺจํ อนุโมทเร ความว่า
เปรตเหล่านั้นเชื่อมั่น ผลกรรมไม่ละความยำเกรง มีจิตไม่กวัดแกว่ง ย่อมยินดี
อนุโมทนา เกิดปีติปราโมชว่า ทานนี้จงมีผลเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อสุข
แก่เราทั้งหลาย.

พรรณนาตอนปลายของคาถาที่ 5


สัมพันธ์กับตอนต้นของคาถาที่ 6


พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อทรงแสดงประการที่กุศลกรรม ให้ผลเกิดใน
ทันที่ แก่ญาติทั้งหลายที่เข้าถึงปิตติวิสัย อย่างนี้จึงตรัสว่า
พวกเปรตที่เป็นญาติเหล่านั้นพากันมาในที่นั้น
ประชุมพร้อมแล้ว ต่างก็อนุโมทนาโดยเคารพในข้าว
น้ำเป็นอันมาก.